หน้าเว็บ

blogger นี้จัดทำขึ้นเพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมในแต่ละภาคของประเทศไทยและเพื่อในการเรียนการสอนของวิชาอินเตอร์เน็ตและการสือสารในชีวิตประจำวัน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

ปฎิทิน NewTang

วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554

วีดีโอแนะนำการท่องเที่ยวไทย



วีดีโอ อันนี้ดีมากๆเลยนะค่ะ เป็นความมีน้ำใจของคนไทยที่มีต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ลองคลิกเข้ามาดูกันเยอะๆนะค่ะ..^___^..

ข้อแนะนำในการท่องเที่ยว

เดินป่า

  • สอบถามข้อมูลของสถานที่ที่จะไป เพื่อจะได้เตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อม
  • เตรียมอุปกรณ์เดินป่าที่คล่องตัว และจำเป็น เช่น ถุงนอน เต็นท์ ผ้ายางกันฝน ยารักษาโรค ไฟฉาย มีดพก ยาไล่แมลง เข็มทิศ
  • ศึกษาฤดูกาลของธรรมชาติ เช่น ดอกไม้ นพอพยพ เตรียมกล้องส่องทางไกล สมุดบันทึก ดินสอปากกา แผนที่
  • ศึกษาเส้นทางตรวจดูแผนที่ก่อนออกเดินทาง เลือกเส้นทางเดินตามสันเขาจะเดินง่ายกว่าตามหุบเขา และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด

แค้มป์ปิ้ง

  • เตรียมเต็นท์ ถุงนอน ผ้าใบกันฝน อุปกรณ์เครื่องครัว เช่น หม้อสนาม เตาแก๊ส เตาน้ำมัน อาหารแห้ง น้ำดื่ม รองเท้าผ้าใบ หมวก
  • ตรวจสอบทิศทางลมก่อนกางเต็นท์
  • กางเต็นท์ต้นลม ส่วนกองไฟ ห้องส้วม ต้องอยู่ใต้ลม กางเต็นท์บนเนินหรือที่สูง อยู่ในที่โล่งริมห้วย
  • กวาดเศษหญ้า ใบไม้ ก่อนตั้งแค้มป์ เพราะอาจเป็นที่อยู่ของแมลง สัตว์เลื้อยคลานต่าง ๆ
  • หาเชื้อฟืนจากเศษไม้ในป่า/คลื่นซัดมาติดหาดและดับกองไฟก่อนเข้านอน
  • ดูแลความสะอาดทุกครั้งที่เก็บแค้มป์ให้เหมือนสภาพเดิม

วัด/พิพิธภัณฑ์/โบราณสถาน

  • ศึกษาข้อมูลรายละเอียดสถานที่ต่าง ๆ ก่อนไป ติดต่อวิทยากรผู้ให้ความรู้ เช่น พระ ชาวบ้านในท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ผู้ดูแล
  • แต่งกายให้สุภาพ สำรวมกิริยาวาจา ถอดรองเท้าและเก็บให้เรียบร้อยก่อนเข้าโบสถ์

เขตศาสนสถาน

  • ระวังไม่ให้โดนโบราณวัตถุ โบราณสถาน แตกหักเสียหาย เดินตามทางเดินที่อนุญาต ไม่จับ สัมผัส อาคารโบราณสถานโดยเฉพาะส่วนที่เป็นลวดลายแกะสลักหรือภาพเขียนสี ไม่ลักลอบขุดค้นโบราณวัตถุ โบราณสถาน
  • การถ่ายภาพไม่ควรใช้แฟลชเพราะอาจทำให้โบราณวัตถุโบราณสถานเสียหายได้

ที่มาของข้อมูล ::
http://www.baanjomyut.com/76province/tour.html
ขอบคุณภาพจากเว็บ :: http://www.teawthai.in.th/view_post.php?id=602

รวมเว็บของคนที่รักการท่องเที่ยว



เว็บที่ 1 :: คลิกเลย..^___^.. http://www.lovetravelsclub.com/

แล้วมาร่วมแชว์ความรู้สึกกันนะค่ะ
ที่มาจาก :: http://www.lovetravelsclub.com



เว็บที่ 2 :: คลิกเลย..^___^..http://www.paiduaykan.com/
ที่มาจาก :: http://www.paiduaykan.com/


เว็บที่ 3 :: คลิกเลย..^___^..http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/link/

ท่องเที่ยวทั่วไทย ตอน ทัวตลาดน้ำ

ตลาดร้อยปี ตลาดสามชุก

เป็นตลาดห้องแถวไม้ 2 ชั้นขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณบุรี(ท่าจีน) และรายล้อมด้วยบรรยากาศของบ้านเรือนรวมถึงเรื่องราวของผู้คนในอดีต โดยแทบไม่มีการดัดแปลงเสริมแต่ง ย้อนอดีตกลับไปยุคสมัยที่ตลาดสามชุกเฟื่องฟู ยุคนั้นชาวบ้านจะนำของพื้นเมือง รวมทั้ง เกลือ ฝ้าย แร่ สมุนไพร มาแลกเปลี่ยนซื้อขายให้กับพ่อค้าที่เป็นชาวเรือ

ต่อมาเมื่อริมแม่น้ำสุพรรณ กลายเป็นแหล่งทำนาที่สำคัญ มีโรงสีไฟขนาดใหญ่เกิดขึ้นหลายแห่ง ตลาดสามชุกก็กลายเป็นตลาดข้าวที่สำคัญ มีการค้าขายกันอย่างคึกคัก ทำให้ตลาดสามชุกไม่จำกัดบริเวณอยู่เฉพาะริมน้ำ แต่ยังขยายมาถึงริมฝั่ง โดยแต่ละปีมีการเก็บภาษีได้จำนวนมาก พร้อมๆกับมีการตั้งนายอากรคนแรก ชื่อ “ขุนจำนง จีนารักษ์”

ช่วงเวลาเฟื่องฟูของตลาดสามชุกกินเวลานานหลายสิบปี แต่หลังจากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ผู้คนเปลี่ยนไปใช้ถนนเป็นเส้นทางสัญจรมากขึ้น ส่งผลให้ วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และการค้าที่ตลาดสามชุกเริ่มซบเซา แต่ตลาดสามชุกก็ยังคงดำเนินวิถีของตลาดห้องแถวไปอย่างต่อเนื่อ

ด้วยความที่ วิถีชีวิตและลักษณะทางกายภาพของชุมชนตลาดสามชุกมีกาลเปลี่ยนแปลงน้อยมาก แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานับร้อยปี เหตุนี้ประชาคมชาวตลาดสามชุกจึงได้มีการปรับปรุง ฟื้นฟู และร่วมกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไม้ของตลาดสามชุกไว้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม รวมทั้งพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เพื่อให้ตลาดสามชุกกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
การเดินทาง สู่ตลาดสามชุก จากกรุงเทพฯ ผ่าน อ. บางบัวทอง จ. นนทบุรี ไปจนถึงตัว จ.สุพรรณบุรี ระยะทางประมาณ 107 กม. จากนั้นไปตามหลวงหมายเลข 340 แยกเข้า อ. สามชุก ตัวตลาดอยู่ริมแม่น้ำสุพรรณติดกับที่ว่าการอำเภอสามชุ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ คณะกรรมการพัฒนาตลาดสามชุก โทร. 0-3557-2449, 0-3550-4498 และ 0-1640-3327

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก
หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า ตลาดน้ำคลองลัดพลี มีมานานกว่า 100 ปีเศษมาแล้ว ตั้งอยู่ห่างจากที่ว่าการ อำเภอไปทางทิศตะวันออก 400 เมตรตลาดน้ำดำเนินสะดวก ตั้งอยู่ที่คลองดำเนินสะดวกเหมาะที่จะไปเที่ยว ชมในเวลาเช้า เนื่องจากแดดไม่ร้อนและมีเรือขายสินค้าเป็นจำนวนมาก คลองดำเนินสะดวกเป็นคลองที่เชื่อม แม่น้ำท่าจีน กับแม่น้ำแม่กลอง เริ่มตั้งแต่ประตูน้ำบางยาง แม่น้ำท่าจีน อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร ถึงประตูน้ำบางนกแขวก แม่น้ำแม่กลอง อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามทำให้ประชาชนในจังหวัด ราชบุรี สมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรสงครามติดต่อถึงกันโดยสะดวกขึ้น ตลอดสองฝั่งคลองดำเนินสะดวก ที่มีความยาว 32 กิโลเมตรนี้ มีคลองซอย คลองเล็ก คลองน้อย แยกออกไปประมาณ 200 คลองเช่น คลอง สี่หมื่น คลองทองหลาง คลองโพธิ์หัก คลองขุน-พิทักษ์ คลองศรีราษฎร์ คลองลัดราชบุรี คลองฮกเกี้ยน ฯลฯ

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนามตลาดน้ำคลองต้นเข็ม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพฯราว 80 กิโลเมตร ในราวปี พ.ศ. 2409 รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองดำเนินสะดวกระยะทางกว่า 32 กิโลเมตร เชื่อมแม่น้ำแม่กลองที่บางนกแขวกกับแม่น้ำท่าจีนที่ประตูน้ำบางยาง และมีคลองซอยเล็ก ๆ มากมาย ทำให้ชาวบ้านในราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร สามารถติดต่อกันทางน้ำได้สะดวก

ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่งท่องเที่ยวครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อม บรรทุกสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลกเปลี่ยนสินค้าในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ตลาดน้ำดำเนินสะดวกเริ่มค้าขายตั้งแต่เช้าตรู่ไปจนถึงช่วงประมาณ 12.00 น. ส่วนตลาดน้ำวัดปราสาทสิทธิ์ซึ่งเป็นตลาดน้ำที่ยังคงวิถีชีวิตเดิม ๆ อยู่มากจะเริ่มตั้งแต่เช้าตรู่ และจะวายตั้งแต่ก่อน 08.00 น. สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวอำเภอดำเนินสะดวก โทร. 0 3224 1023, 0 3234 6161 หรือที่เว็บไซต์ www.damnoensaduak.com
ล่องคลองชมตลาดน้ำดำเนินสะดวก
ตลาดน้ำดำเนินสะดวก มีบริการเรือเช่านำเที่ยว เรือพาย ราคา 300 บาท เรือหางยาว ราคา 600 บาท นั่งได้ประมาณ 8 คน พาไปดูสวน การทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ท่าเรือยุวันดา โทร. 0 3224 1392, 0 6668 9471, 0 9161 0909

การเดินทาง

รถยนต์ จากกรุงเทพฯสามารถเดินทางไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกได้ 2 เส้นทาง คือ

1. เดินทางไปตามถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อย จะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายมือไปตามทางหลวงหมายเลข 325 อีกประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์เลยไป 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

2. เดินทางไปตามสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ระยะทาง 63 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ผ่านตัวเมืองสมุทรสงคราม แล้วเลี้ยวเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 325 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร ทางเข้าตลาดน้ำอยู่ก่อนถึงสะพานธนะรัชต์ 200 เมตร และแยกซ้ายเข้าไปอีก 1 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารปรับอากาศสายกรุงเทพฯ-ดำเนินสะดวก ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ถนนบรมราชชนนี เที่ยวแรกออกตั้งแต่เวลา 05.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ลงรถบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ จากนั้นสามารถโดยสารรถสองแถวบริเวณตลาดเชิงสะพานธนะรัชต์ เข้าไปถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นระยะทางอีก 1 กิโลเมตร สอบถามรายละเอียดได้ที่ สถานีขนส่งสายใต้ (ห้องจำหน่ายตั๋วดำเนินสะดวก) โทร. 0 2435 5031 (ห้องจำหน่ายตั๋วราชบุรี) โทร. 0 2435 5036

นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปกับรถโดยสารสายอื่นได้ เช่น สายกรุงเทพฯ-ราชบุรี, กรุงเทพฯ-เพชรบุรี (สายเก่า) แล้วลงตรงสี่แยกบางแพ ต่อจากนั้นต่อรถสองแถวซึ่งวิ่งระหว่างทางแยกบางแพไปดำเนินสะดวก มีรถออกทุก 10 นาที

ตลาดน้ำอัมพวา (ตลาดเย็น)



เป็นตลาดริมคลอง ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม (จอดรถที่วัดอัมพวันเจติยารามได้) ทุกวันศุกร์ เสาร์และอาทิตย์ ในช่วงเวลาเย็นตั้งแต่ช่วงเวลา 15.00 - 21.00 น. ในคลองอัมพวาจะมีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหารและเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่างๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบาย ๆ มีเพลงฟัง จากเสียงตามสายของชาวชุมชน ประชาชนสามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทานและเช่าเรือไปเที่ยวชมดูหิ่งห้อยในยามค่ำคืนได้ ค่าบริการคนละ 60 - 80 บาท ข้อมูลอื่นๆคลิก อัมพวา



ตลาดน้ำอัมพวา การเดินทาง:
ทางรถยนต์
จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 35 ถนนพระราม 2 (ถนนธนบุรี-ปากท่อ เดิม) ไปถึงหลัก กม.ที่ 63 ชิดซ้ายใช้ทางคู่ขนานต่างระดับ เข้าตัวเมืองสมุทรสงคราม ถึงสี่แยกเลี้ยวขวา -เลี้ยวซ้ายข้ามทางรถไฟ เลี้ยวขวาถึงสามแยกไฟแดงเลี้ยวซ้ายวิ่งตรงไปประมาณ 6 กม. ถึงสามแยกอัมพวาชิดซ้ายเข้าอัมพวา วิ่งตรงผ่านตลาดอัมพวา ข้ามสะพานคลองอัมพวา(สะพานเดชาดิศร) ซุ้มประตูวัดทางเข้าอยู่ซ้ายมือ

รถประจำทาง
จากสถานีขนส่งสายใต้
- รถสาย 76 กทม.-ดำเนินสะดวก เป็นรถปรับอากาศผ่านจังหวัดจังหวัดสมุทรสงครามถึงตลาดอัมพวา เดินผ่านตลาด ข้ามคลองอัมพวา ตรงไปถึงวัด
- สาย 967 กทม.-สมุทรสงคราม ถึงสถานีขนส่งสมุทรสงคราม ขึ้นรถประจำทางสาย 333 แม่กลอง-อัมพวา-บางนกแขวก ผ่านหน้าวัด

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลตำบลอัมพวา โทร. 0 3475 1359 หรือที่ ททท. สำนักงานสมุทรสงคราม โทร. 0 3475 2847-8 E-mail : tatsmsk@tat.or.th หรือ Call Center 1672

วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงการศึกษา

เมืองจำลอง

ประวัติความเป็นมา

เมืองจำลองสยาม เกิดขึ้นจากความคิดที่ว่า โบราณสถานและโบราณวัตถุในสมัยต่างๆ นั้นเป็นเครื่องแสดงถึงความเป็นเอกราชของไทย แต่ยิ่งเวลาผ่านไป โบราณสถานเหล่านั้นมีแต่จะยิ่งทรุดโทรมลง การไปเยี่ยมชมสถานที่เหล่านั้นซึ่งกระจายกันอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ มีค่าใช้จ่ายสูงและใช้เวลาเดินทางเป็นอันมาก เมืองจำลองสยามจึงได้รวบรวมสถานที่สำคัญเหล่านั้น นำมาย่อส่วนให้เป็นแบบจำลองให้อยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อให้เป็นแหล่งความรู้ด้านวัฒนธรรมให้ชนรุ่นหลังได้มีไว้ค้นคว้าและก่อให้เกิดความภาคภูมิใจในการทำนุบำรุงรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้สืบไป

เมืองจำลองเริ่มต้นโครงการด้วยการค้นคว้าข้อมูลตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 และเริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2529 โดยมีอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นแบบจำลองชิ้นแรก นอกจากงานจำลองโบราณสถานต่างๆ ของไทย ยังมีงานจำลองสถานที่สำคัญของประเทศต่างๆ อีกมากมาย


ข้อมูลทั่วไป

เมืองจำลอง ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท หลักกิโลเมตรที่ 143 อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี โดยอยู่เลยสี่แยกตลาดนาเกลือ ประมาณ 500 เมตร

เมืองจำลอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งรวบรวมแบบจำลองขนาดย่อส่วนซึ่งจำลองมาจากสถานที่สำคัญทั่วโลก มีพื้นที่ 29 ไร่ ภายในแบ่งเป็น เมืองจำลองสยาม และเมืองจำลองยุโรป ส่วนบริเวณพื้นที่ส่วนอื่นๆ ได้จัดสรรเป็นโถงขายบัตรเข้าชม พื้นที่เช่าสำหรับร้านขายของที่ระลึก และที่จอดรถ

ที่ทางเข้าจะมีร่มจัดเตรียมไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว สามารถหยิบไปใช้ได้ตามสะดวก เมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าจะพบกับโซนเมืองจำลองยุโรปก่อน ซึ่งนอกจากจะมีสถานที่สำคัญของทางยุโรปแล้วยังรวมสถานที่สำคัญของประเทศในแถบอเมริกาและเอเชียไว้ด้วย เช่น จีน, เกาหลี และกัมพูชา และเมื่อเดินต่อไปด้านในจะเป็นโซนเมืองจำลองสยาม แต่ละสถานที่จะมีป้ายบอกรายละเอียดทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้อ่าน

เมืองจำลองยุโรป

ประตูชัยปารีส ฝรั่งเศส
ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองปารีสประเทศฝรั่งเศส ในส่วนที่มีถนนตัดกันถึง 12 สาย สร้างปี ค.ศ. 1835 เป็นสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ประตูชัยนี้สร้างขึ้นโดยดำริของ พระเจ้านโปเลียนมหาราชจักรพรรดิของฝรั่งเศสในปีค.ศ. 1806 ด้วยการออกแบบและก่อสร้างของสถาปนิกชาวฝรั่งเศส ฮวน ฟรานซิส แด ชาร์กิ้นส์ แต่กลับเสียชีวิตก่อนที่จะสร้างเสร็จ ฮวน อาร์มานด์ ไรน์มอนด์ จึงรับช่วงต่อ ประตูชัยนี้ได้รับอิทธิพลมาจากสถาปัตยกรรมแบบคอนสแตนติน ของกรุงโรม ประเทศอิตาลี มีความสูง 50 เมตร, กว้าง 45 เมตร ทั้งสองด้านของประตูชัย มีรูปประติมากรรมที่แสดงถึงชัยชนะของกษัตริย์นโปเลียนทั้งในด้านการทหารและสนธิสัญญา

หอไอเฟล ปารีส ฝรั่งเศส
หอคอยสูงกลางเมืองปารีสสร้างด้วยเหล็กขนาดใหญ่ ออกแบบและก่อสร้างโดยวิศวกรชาวฝรั่งเศส อเล็กซ์ซานเดอร์ กุสตาฟ เอฟเฟล เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปีของการปฏิวัติในฝรั่งเศสและ งานปารีส เวิลด์แฟร์ ในปีค.ศ. 1889 โดยตัวหอคอยมีความสูงถึง 300 เมตร และใช้เหล็กทั้งหมดประมาณ 7,000 ตัน ตั้งอยู่บนฐานที่ก่อด้วยอิฐทั้ง 4 ด้าน ภายในตัวหอคอยประกอบด้วยส่วนต่างๆ 4 ส่วน คือส่วนชมวิวที่เป็นภัตตาคาร, สถานีอุตุนิยมวิทยา, สถานีวิทยุ และเสารับสัญญานโทรทัศน์ บริเวณใกล้กับยอดของหอคอยและเคยเป็นห้องที่เอฟเฟลเคยอยู่มาก่อน

ปราสาทเชอนองโซ ฝรั่งเศส
ปราสาทเชอนองโซ เป็นอาคาร 2 ชั้น สูง 260 ฟุต เป็นแกลลอรี่ ตั้งอยู่กลางแม่น้ำเชียร์ ถือกรรมสิทธิ์โดยกษัตริย์ฟรานซิสที่ 1 ต่อมามองให้กับพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 และได้มอบให้แก่ภรรยาลับ คือพระนางดีอาน เดอ ปัวติแยร์ ซึ่งได้ต่อเติมสะพานข้ามแม่น้ำขึ้น ภายหลังจากพระเจ้าเฮนรี่ที่ 2 สวรรคต พระมเหรีของพระองค์ พระนางเคทเธอรีน เดอ เมดิซี ได้เอาคืนโดยแลกเปลี่ยนกับปราสาทเชอมองต์ ที่อยู่ใกล้กัน ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ถูกใช้เป็นโรงพยาบาล และระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ตัวปราสาทได้ถูกใช้เป็นเขตกั้นแดนระหว่างนาซีเยอรมัน และฝรั่งเศส ปัจจุบันเปิดให้คนเข้าชมและี่มีผู้เข้าชมเป็นอันดับสองรองจากพระราชวังแวร์ซาย

มหาวิหารโคโลญ เยอรมัน
เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1248 แต่มีปัญหาให้ต้องหยุดพักการก่อสร้างไปบ้าง จึงต้องใช้เวลากว่าหกร้อยปีจึงสร้างเสร็จสมบูรณ์ และ สร้างเสร็จในปี 1880 เป็นศาสนสถานของคริสต์ศาสนาโรมันคาทอลิก สถาปัตยกรรมแบบโกธิก เป็นหอคอยแฝดสูง 157 เมตร กว้าง 86 เมตร ยาว 144 เมตร สร้างเพื่ออุทิศให้นักบุญปีเตอร์และพระแม่มารี ปัจจุบันมหาวิหารโคโลญนับจุดหมายสำคัญของเมืองโคโลญและประเทศเยอรมนี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 2536

ปราสาทน้อยส์วันสไตล์ เยอรมัน
เป็นปราสาทตั้งอยู่ในเทือกเขาแอลป์แถบแคว้นบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี สร้างในสมัยพระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรีย ในช่วง ค.ศ. 1845-86 เป็นปราสาทที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก และเป็นต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทรา ที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และโตเกียวดิสนีย์แลนด์ รวมไปถึงที่แดนเนรมิต พระเจ้าลุดวิกที่ 2 แห่งบาวาเรียมีพระประสงค์ให้จัดสร้างเพื่อเป็นที่ประทับอย่างสันโดษ ห่างจากผู้คนและเพื่ออุทิศให้แก่กวี ริชาร์ด วากเนอร์ ผู้ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างให้เป็นไปตามบทประพันธ์เรื่อง อัศวินหงษ์ (Swan Knight Lohengrin) ดังนั้นปราสาทแห่งนี้จึงได้รับการตกแต่งตามเรื่องราวในบทประพันธ์ดังกล่าว ปราสาทแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย คริสเตียน แยงค์ (Christian Jank) ซึ่งเป็นนักออกแบบทางการละคร มากกว่าที่จะเป็นสถาปนิก

หอเอนปิซา อิตาลี
เป็นหอระฆังหินอ่อน ตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำ Arno ในเมืองปิซา ประเทศอิตาลี สูง 181 ฟุต มี 8 ชั้น ในแต่ละชั้นมีเสาหินอ่อนที่สลักลวดลายวิจิตรรองรับโดยรอบ เป็นสิ่งก่อสร้างที่ ใช้เวลาสร้างนานถึง 176 ปี เมื่อเริ่มก่อสร้างหอนี้ได้ 4-5 ชั้น หรือประมาณเศษสามส่วนแปด หอนี้ก็ได้เอียงลงแต่ไม่ถึงกับล้ม เคยใช้เป็นที่ทดลองเรื่องแรงดึงดูดของโลกโดย "กาลิเลโอ" ซึ่งเป็นนักดาราศาสตร์ที่โดนกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกรีตเนื่องจากทฤษฏีว่าด้วย โลกมีรูปร่างกลมและหมุนรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งถือว่าเป็นพวกนอกรีต

สนามกีฬาโคลีเซียม กรุงโรม อิตาลี
เป็นสนามกีฬากลางแจ้งที่ใหญ่โตทีสุดของโลก อยู่ในกรุงโรม สร้างระหว่างการปกครองโดยจักรพรรดิ Vespasiano เพื่อระลึกถึงลูกชายติตัส โคลีเซียม สูง 160 ฟุต มีประตูเข้าออกถึง 80 ประตู สามารถจุผู้ชมได้ถึง 50,000 คน มีรูปร่างเป็นครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ก่อด้วยหินทรายและอิฐ เป็นที่สำหรับให้ สิงโต, ช้าง, งู และเสือดำ ต่อสู้กับ ทาส, นักโทษที่รอการประหารหรืออาสาสมัคร โดยมีคนเสียชีวิตในการต่อสู้ถึง 23,000 คน เป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึง ความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ

มหาวิหารอบูซิมเบล อียิปต์
ตั้งอยู่ที่เมือง อัสวอร์นทางตอนใต้ของประเทศอียิปต์ แถบลุ่มแม่น้ำไนล์ โดยส่วนของวิหารได้สร้างลึกเข้าไปในหน้าผา สร้างในสมัยฟาโรห์รามเสสที่2 เพื่อเป็นการอุทิศให้แก่เทพเจ้าทั้งสามองค์ ได้แก่ เฮลิโอโปลิส, เมมฟิช และธีบีส วิหารนี้ประกอบด้วย 2 ส่วนคือ วิหารเล็กที่สร้างเพื่ออุทิศแก่มเหสี เนฟเฟอร์ทารี และเพื่อบวงสรวงเทพีฮาธอร์ซึ่งเป็นเทพีแห่งดนตรีและความรัก ส่วนวิหารใหญ่สร้างสำหรับพระองค์เองด้านหน้าวิหารมีรูปปั้นขนาดใหญ่ ขององค์รามเสสที่ 2 ที่มีความสูงถึง 20 เมตร ส่วนรูปปั้นรอบๆพระบาทเป็นรูปปั้นของมเหสีและลูกๆหลานๆของพระองค์ วิหารนี้ถูกค้นพบโดย โจฮัน ลุควิกส์ เบิร์กชาด์ท ชาวสวิสเซอร์แลนด์ในปีค.ศ. 1812
สะพานทาวเวอร์บริดจ์ อังกฤษ
สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1886-1894 เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ใกล้กับลอนดอนทาวเวอร์ มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศอังกฤษ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้นไปชมความงามของเมืองลอนดอนได้ที่ระดับ 140 ฟุต มีถนน 18 สายที่ข้ามสะพานนี้

อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา
เป็นของขวัญที่ประเทศฝรั่งเศสได้มอบแก่สหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นการสร้างสัมพันธไมตรีและส่งเสริมการปกครองใน ระบอบประชาธิปไตย สร้างโดยประติมากรชาวฝรั่งเศสชื่อ เฟรเดริค ออกัสเต้ บาร์ทอนดี้ รูปปั้นเทพีเสรีภาพ ตั้งอยู่บนเกาะเบ็ดโล่ (Bedloe’s Island) นครนิวยอร์ก ประเทศอเมริกา มีความสูงจากฐานถึงคบเพลิง 302 ฟุต ผิวทำด้วยแผ่นทองแดงหนา จำนวน 300 แผ่น นำส่งมอบให้สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1886

หมู่บ้านไวกิ้ง เดนมาร์ค
ตำนานโจรสลัดแห่งท้องทะเลผู้ยิ่งใหญ่เมื่อประมาณ 1000 ปีที่ผ่านมา ไวกิ้งเป็นพวกโจรสลัดจากยุโรป ภาคเหนือ ซึ่งเข้าปล้นฝั่งตะวันตกของยุโรปศตวรรษที่ 8 -10 แห่งคริศต์กาล ลักษณะโครงสร้างของหมู่บ้านจะปลูกกันเป็นวลกลมรวมทั้งหมด 31 หลัง ทำด้วยไม้ทั้งหมด มีนักรบทั้งหมด 1000 คน

โรงละครโอเปร่า ออสเตรเลีย
ตั้งอยู่ที่ปากอ่าวซิดนีย์ ในกรุงซิดนีย์ออสเตรเลีย ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 19 ปี ออกแบบโดย สถาปนิกชื่อ Jorn Utzon โดยได้รับจินตนาการมาจากลักษณะ เปลือกหอยที่สลับซับซ้อน นับเป็นสิ่งก่อสร้างที่งดงามและมหัศจรรย์ที่สุดในศตวรรษที่ 21 สร้างเพื่อเป็นโรงละครมีการแสดงทั้ง โอเปร่า, เพลงคลาสสิค, บัลเล่ย์ และการฉายภาพยนตร์

นครวัต กัมพูชา
มีประวัติเป็นที่รู้จักมายาวนานตั้งแต่ ปี ค.ศ. 802 จนมาถึงปี ค.ศ. 1295 จึงได้ยกฐานะขึ้นเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเขมรและได้เริ่มทำการก่อสร้างปราสาทนครวัต ในสมัยศตวรรษที่12 ตามหลักความเชื่อของทางศาสนาฮินดู เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝังพระศพของพระเจ้าสุริยะวรมันที่2 และใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 37 ปี โดยสร้างขึ้นจากหินทรายและศิลาแลงในรูปทรงของดอกบัว 5 ดอก ที่หนึ่ง ดอกใหญ่เป็นศูนย์กลางและมีบริวารรอบๆทั้ง 4 ทิศ ที่สื่อถึงยอดเขาทั้ง 5 ยอดบนเขาพระสุเมรุ มีนางอัปสรแกะสลักจากหินทั้งสิ้น 1,635 ตัว ใช้แรงงานคนทั้งสิ้น 1,000,000 คน และช้าง 5,000 เชือก

หอฟ้าเทียนถาน จีน
หอฟ้าเทียนถาน ตั้งอยู่ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ที่เมืองปักกิ่ง ปัจจุบันจัดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจตุรัสเทียนอันเหมิน โดยห้องที่ถือว่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว คือ ห้อง Qinian เป็นห้องสวดมนต์ เพื่อฤดูเก็บเกี่ยวที่ดี ส่วนด้านทิศใต้ คือ กำแพงที่มีเสียงสะท้อน และหลังคาโค้งที่มีรูปภาพของสวรรค์ แท่นบูชา เป็นวงกลมรอบๆ เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

เมืองจำลองสยาม

วัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือวัดพระแก้ว
เป็นพระอารามหลวง ใช้เป็นที่ประกอบพระราชพิธีทางศาสนาที่สำคัญ วัดพระแก้วสร้างแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2327 และได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1-9 ตลอดทุกรัชกาล วัดพระศรีรัตนศาสดาราม อยู่ในเขตพระบรมมหาราชวัง รัชกาลที่ 1 ทรงสร้างพร้อมพระบรมมหาราชวัง เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือที่นิยมเรียกว่า "พระแก้วมรกต" วัดนี้จึงนิยมเรียกกันว่า "วัดพระแก้ว" มีพระอุโบสถงดงามมาก ที่อุโบสถและระเบียงรอบวัดมีภาพเขียนฝาผนังรามเกียรติ์สวยงาม สิ่งที่น่าสนใจอื่นๆ ก็มีหอพระคันธราช ปราสาทพระเทพบิดร พระมณฑป พระศรีรัตนเจดีย์ นครวัดจำลอง ฯลฯ

วัดอรุณราชวราราม
เป็นวัดที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเดิมชื่อ "วัดแจ้ง" ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี ถนนอรุณอัมรินทร์ ต่อมาเมื่อพระเจ้ากรุงธนบุรีย้ายพระราชธานีจากกรุงศรีอยุธยามาตั้งอยู่ ณ กรุงธนบุรี ได้โปรดฯ ให้กำหนดเอาวัดแจ้งเป็นวัดในเขตพระราชฐาน ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ วัดนี้ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 2 ซึ่งถือว่าเป็น วัดประจำรัชกาลที่ 2 เมื่อบูรณะเสร็จแล้ว ได้พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม มีจุดเด่นที่น่าสนใจ คือพระปรางค์องค์ใหญ่ ซึ่งมีความสูง 82 เมตร กว้าง 234 เมตร เริ่มก่อสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 เสร็จสมบูรณ์ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เปลี่ยนชื่อเป็น "วัดอรุณราชวราราม" จัดเป็นพระอารามหลวงชั้นวรมหาวิหาร เรียกชื่อเต็มว่า "วัดอรุณราชวรมหาวิหาร"

อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตั้งอยู่ที่วงเวียนสี่แยกถนนพญาไท สร้างในสมัยรัชกาลที่ 7 พ.ศ. 2484 ทำพิธีเปิดโดย จอมพล ป. พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2485 เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงเกียรติคุณวีรชนทหารตำรวจพลเรือนที่เสียชีวิตในกรณีพิพาทไทย- ฝรั่งเศส ในสงครามอินโดจีน

สะพานแขวน พระราม 9
เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาที่สร้างเชื่อมต่อระหว่างทางด่วนสายท่าเรือ - ดาวคะนอง ได้ชื่อว่าเป็น สะพาน เสาขึงสายเคเบิ้ลระนาบเดี่ยวที่ยาวที่สุด และเป็นสะพานที่สูงที่สุดในประเทศไทย เชื่อมต่อระหว่างฝั่งพระนครกับฝั่งธนบุรี ยาว 2.716 กิโลเมตร กว้าง 33 เมตร มีเสากระโดงสูง 79 เมตร 2 เสายึดสายเคเบิ้ลซึ่งโยงยึดสะพานไว้ มูลค่าการก่อสร้างประมาณ 1,600 ล้านบาท โดยบริษัทคนไทยและบริษัทเยอรมันตะวันตก

พระที่นั่งอนันตสมาคม
ชาวต่างชาติรู้จักกันดีในนามของ พระที่นั่งหินอ่อน ประดิษฐานอยู่ภายในพระราชวังดุสิต กรุงเทพฯ สร้างในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ประมาณปีพ.ศ. 2450 แล้วเสร็จในรัชกาลที่ 6 ราวปี พ.ศ. 2494 พระที่นั่งหินอ่อนองค์นี้ มีลักษณะเป็นอาคารแกะสลักหินอ่อน ซึ่งนำเข้ามาจากเมือง carrara ในประเทศอิตาลี ตัวอาคารก่อสร้างแบบเรอเนอซองส์ สถาปัตยกรรมของอิตาลี บนพื้นเพดานของพระที่นั่งจะมีภาพเขียนเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจที่สำคัญๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 6

ปราสาทหินพนมรุ้ง
ปราสาทหินพนมรุ้ง อยู่ในจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นภูเขาไฟที่ดับแล้ว และเป็นศิลปกรรมอันล้ำค่าของอีสานใต้ สมัยพุทธศตวรรษที่ 12 เป็น ศิลปะลพบุรี รับอิทธิพลมาจากขอมในศาสนาพราหมณ์ สันนิษฐานว่าสร้างเพื่อเป็นเทวาลัย ภาพสลักส่วนมากเป็นเรื่องรามเกียรติ์ อายุประมาณพันปี ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง 1,320 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่ที่ตำบลตาเป็ก อำเภอนาง นับเป็นโบราณสถานที่สำคัญของชาติ บูรณะเสร็จและเปิดเป็นอุทยานประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2571 และปลายปีเดียวกัน ก็ได้รับทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์ กลับคืนมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงเทศกาลสงกรานต์

วัดมหาธาตุ สุโขทัย
ห่างจากเนินปราสาทไม่มากเป็นที่ตั้งวัดใหญ่ มีองค์มหาธาตุอันใหญ่โต สร้างแปลกกว่าเจดีย์ใด เป็นศิลปะของสุโขทัยแท้ๆ เรียกว่าเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ มีพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ เรียกว่า พระอัฎฐารส และเคยประดิษฐานพระศรีศากยมุนี หน้าพระธาตุ มีวิหารใหญ่เรียกว่าวิหาร 11 ห้อง ปัจจุบันปรักหักพัง เหลือแต่เสาศิลาแลงขนาดใหญ่ ภายในวิหารแห่งนี้เคยเป็นที่ประดิษฐาน พระศรีศากยมุนี ซึ่งต่อมาในรัชสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพฯ จนถึงปัจจุบัน ในบริเวณวัดมหาธาตุนี้มีโบราณสถานที่น่าชมน่าศึกษามากมาย ลานวัดตรงองค์พระมหาธาตุด้านหนึ่ง มีที่ที่ขอมดำดินมาพบพระร่วง และด้วยวาจาสิทธิ์ของพระร่วงทำให้ขอมกลายเป็นหินอยู่ ณ ที่นั้น


อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา
อุทยานประวัติศาสตร์อยุธยา ตั้งอยู่ที่จังหวัดอยุธยา สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพระเจ้าอู่ทอง และสมัยพระบรมไตรโลกนาถ และมหากษัตริย์ทุกพระองค์ก็ได้ก่อสร้างต่อเติมมาตลอด ประกอบไปด้วยพระราชวังตำหนักต่างๆ และป้อมปราการรอบกรุง เช่น วัดพระศรีสรรเพชญ, พระที่นั่งสุริยาอมรินทร์, พระที่นั่งวิหารสมเด็จ, พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท, พระที่นั่งจักรวรรดิไพชยนต์, พระที่นั่งบรรยงรัตนาสน์

พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์
เป็นพระที่นั่งปราสาทโถงกลางสระน้ำ สร้างในแบบปราสาทจตุรมุข พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง สร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2419 และพระราชทานนามว่า พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพย์อาสน์ ตามนามพระที่นั่งองค์แรก ซึ่งพระเจ้าปราสาททองทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างขึ้น ณ พระราชวังบางปะอินแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในฉลองพระองค์เต็มยศจอมพลทหารบกซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น

วัดพระธาตุดอยกองมู
วัดพระธาตุดอยกองมู มีชื่อเรียกแต่เดิมว่าวัดปลายดอน ตั้งอยู่บนดอยกองมู ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองที่สำคัญที่สุด ประกอบด้วยพระธาตุเจดีย์ที่สวยงาม 2 องค์ คือ พระเจดีย์องใหญ่ สร้างโดย จองต่องสู่ เมื่อ พ.ศ. 2403 และพระธาตุเจดีย์องค์เล็กสร้างเมือ พ.ศ. 2417 โดย พญาสิงหนาทราชา เจ้าผู้ครองแม่ฮ่องสอนคนแรก

เวลาทำการ
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 7.00 - 22.00 น.

ค่าธรรมเนียมค่าเข้าชม

ชาวไทย
เด็ก 60 บาท
ผู้ใหญ่ 120 บาท

ชาวต่างชาติ
เด็ก 150 บาท
ผู้ใหญ่ 300 บาท

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม

บริษัทศิลปกรรม หัตถกรรม และวัฒนธรรมไทย (1998) จำกัด
ที่อยู่: 387 หมู่6 ถ.สุขุมวิท ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
โทรศัพท์: 038-727-333 , 038-727-666, 084-783-4477
โทรสาร: 038-421-555
อีเมล์: info@minisiam.com, marketing@minisiam.com

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร

จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม

ประวัติคสามเป็นมา

ปีพ.ศ. 2531 จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เริ่มจากการเป็นแหล่งผลิตไข่ไหมจำหน่ายให้สมาชิกเกษตรกรเพื่อรับซื้อรังสดในการผลิตเส้นไหม และเป็นพื้นที่ปลูกหม่อนอันเป็นอาหารหลักของหนอนไหม บนพื้นที่ 600 ไร่ ในตำบลตะขบ อำเภอปักธงชัย จังหวัดนครราชสีมา และในปีพ.ศ. 2544 ได้เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรปีละครั้งช่วงเดือนธันวาคม-มกราคม เพื่อให้บุคคลทั่วไปได้มีโอกาสสัมผัสและเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการเกษตร พร้อมเรียนรู้วงจรชีวิตของหนอนไหม

ต่อมาในปีพ.ศ. 2550 จิม ทอมป์สันได้ริเริ่มนำบ้านอีสาน อันเป็นสถาปัตยกรรมไทยอีสานที่เป็นเอกลักษณ์มารวบรวมไว้บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ อาทิ บ้านโคราช บ้านภูไท และเรือนเหย้า ใน "หมู่บ้านอีสาน" มีการจำลองวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี การละเล่น อาหารการกิน และการประกอบอาชีพของชาวบ้านในอดีตให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสความเป็นอยู่ของชาวอีสานอันเรียบง่ายและพอเพียง และในปี พ.ศ. 2551 ได้เพิ่ม "หมู่บ้านโคราช" ในบริเวณใกล้เคียง เพื่อเป็นการสะท้อนสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของภาคอีสานได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ปี พ.ศ. 2552 ริเริ่มโครงการ อาร์ต ออน ฟาร์ม อันเป็นผลงานจากความร่วมมือระหว่างหอศิลป์บ้านจิม ทอมป์สัน และจิม ทอมป์ ฟาร์มมีการเชื้อเชิญศิลปินมาทำผลงานศิลปะในบริบทที่เกี่ยวกับเชิงนิเวศน์และงานสถาปัตยกรรมของภาคอีสาน มีจุดมุ่งหมายเพื่อเชื่อมโยงศิลปะ ชีวิต และธรรมชาติเข้าด้วยกัน

ข้อมูลทั่วไป

จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มีเจตนารมณ์ที่จะอนุรักษ์และถ่ายทอดมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของชาวไทยเชื้อสายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อสร้างสำนึกในคุณค่าของประเพณีและวัฒนธรรมอีสานอันเก่าแก่และงดงาม

จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม มีการจัดแบ่งพื้นที่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวออกเป็นหลายส่วน ดังนี้

จุดที่ 1 ทุ่งปอเทืองและสวนลอยฟ้า
จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยบรรยากาศธรรมชาติของสวนลอยฟ้า ซึ่งสาธิตวิธีการปลูกพืชผักนานาชนิดแบบลอยฟ้า ทั้งไม้ดอกสวยงามและพืชผักสวนครัวแบบปลอดสารพิษ ความงดงามของทุ่งปอเทืองสีเหลืองอร่ามจากมุมสูง โดยจุดนี้สามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มใต้ร่มเงาของซุ้มน้ำเต้า ก่อนจะเดินทางเพื่อชมจุดต่างๆต่อไป

จุดที่ 2 ทุ่งทานตะวันและลานฟักทอง
เพลิดเพลินกับภาพความสวยงามตามธรรมชาติของเหล่าดอกไม้นานาพันธุ์ อาทิ ทุ่งทานตะวันหลากสี, ทุ่งคอสมอส ที่เบ่งบานรับลมหนาว พร้อมเพลิดเพลินไปกับแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติกลางแจ้ง ตื่นตากับภูเขาฟักทองยักษ์สีสันสดใส และลานฟักทองหลากหลายสายพันธุ์ ก่อนจะ อิ่มเอมไปกับผลงานศิลปะและการเวิร์คชอปจากบรรดาศิลปินมากฝีมือ ในโครงการ Jim Thompson Art Center on Farm

จุดที่ 3 หมู่บ้านอีสานและหมู่บ้านศิลปิน
เรียนรู้และสัมผัสบรรยากาศอีสานดั้งเดิม ทั้งส่วนของหมู่บ้านอีสานที่หาชมได้ยาก พร้อมการจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมประเพณี และการละเล่นของชาวอีสานพื้นเมืองแบบครบครัน อาทิ การวาดฮูปแต้ม การตีหม้อ การทำเครื่องจักสาน เป็นต้น ก่อนสนุกสนานกับการผลิตข้าวอินทรีย์ ตั้งแต่การนวด การตำข้าว การฝัดข้าว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมีส่วนร่วมได้ทุกขั้นตอน พร้อมเรียนรู้วงจรชีวิตหนอนไหม ตั้งแต่ผีเสื้อจนกลายเป็นเส้นไหมล้ำค่า

จุดที่ 4 สวนไม้ดอกและตลาด จิม ทอมป์สัน
ประทับใจไปกับสวนดอกไม้หลากหลายชนิดที่ได้รับการตกแต่งอย่างประณีต เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพที่สวยงามไว้เป็นที่ระลึก พร้อมชมการสาธิตกระบวนการผลิตผ้าไหม และการทำชาใบหม่อนอย่างใกล้ชิด ปิดท้ายด้วยการเลือกซื้อผลผลิต ของฟาร์มทั้งผัก ผลไม้สดและแปรรูป ไม้ดอกไม้ประดับ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่นๆของ จิม ทอมป์สันในราคาสุดพิเศษ

กิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว
ชมบรรยากาศอันงดงามและเรียนรู้ประสบการณ์ด้านการเกษตร พร้อมเรียนรู้วงจรชีวิตของหนอนไหม ชมแปลงพืชผักและดอกไม้สีสวยสดนานาชนิด รวมถึงเลือกซื้อไม้ดอกไม้ประดับและผลผลิตทางการเกษตรปลอดสารพิษ ชมหมู่บ้านอีสานและหมู่บ้านโคราช สัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณี การแสดงและการละเล่นต่างๆ มากมายของชาวอีสาน
ของฝากของที่ละลึก

ที่ตลาด จิม ทอมป์สัน มีผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพดี อาทิ ผักไฮโดรโปนิกส์ ฟักทอง แคนตาลูป พืชผักสวนครัวต่างๆ สดใหม่ ทุกวัน รวมถึงไม้ดอกไม้ประดับหลากหลายสายพันธุ์ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูป อาทิ น้ำผึ้งดอกลำใย ผลิตภัณฑ์จากกล้วยหอม ชาใบหม่อน แยมลูกหม่อน ล้วนเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่ปลูกในฟาร์มของจิม ทอมป์สัน จึงเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ปลอดสารพิษ

นอกจากผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรแล้ว ยังมีสินค้าให้เลือกซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกอีกมากมาย เช่น ผ้าไหมทอมือ ผ้าคลุมไหล่ เสื้อผ้า กระเป๋า ฯลฯ

เวลาทำการ

จิม ทอมป์สัน ฟาร์ม เปิดให้เข้าชมเพียงปีละครั้ง ในช่วงเดือนธันวาคม - มกราคม

กำหนดการเปิด และอัตราค่าชมระยะเวลา
18 ธันวาคม 2553 - 9 มกราคม 2554
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 9.00 - 17.00 น.

ค่าธรรมเนียมการเข้าชม

อัตราค่าบัตรเข้าชม
ผู้ใหญ่ 80 บาท
เด็ก 60 บาท

อัตราค่าเที่ยวชม จิม ทอมป์สันฟาร์ม เดย์ ทัวร์
ผู้ใหญ่ราคา 1,200 บาท
เด็ก 1,000 บาท

*ราคาดังกล่าว รวมค่าบัตรเข้าชม และ รถนำชมในบริเวณฟาร์ม แต่ไม่รวมค่าอาหาร นักท่องเที่ยวสามารถชำระเงินได้ก่อนออกเดินทาง ณ จุดนัดพบ บริเวณพิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน ซ. เกษมสันต์ 2 ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ ออกเดินทางเวลา 7.30 น. และออกเดินทางจากฟาร์ม เวลา 15.30 น. ถึง กรุงเทพฯ เวลา 18.00 น.

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมและสำรองบริการทัวร์ได้ที่
โทรศัพท์: 085-660-7336, 044-373-116
โทรสาร: 02-762-2569, 044-373-117
อีเมล์: farmtour@jimthompson.com

สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนันทนาการ เพื่อความบันเทิง

สวนนงนุช

ประวัติความเป็นมา


ความเป็นมาของสวนนงนุชเริ่มต้นจาก ปี พ.ศ. 2497 เมื่อคุณพิสิฐ และคุณนงนุช ตันสัจจา ได้ซื้อที่ดินที่เป็นสวนผลไม้ เช่น มะม่วง ส้ม มะพร้าว และอื่นๆ จำนวน 1,500 ไร่ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 163 ระหว่างพัทยา-สัตหีบ ต่อมาคุณนงนุชได้เดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศเกิดความประทับในในสวนสวยงาม ประกอบกับเป็นคนชอบดอกไม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้ตัดสินใจเปลี่ยนสวนผลไม้เป็นสวนไม้ดอกไม้ประดับ

สวนนงนุชเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในปีพ.ศ. 2523 จากนั้นประมาณ 6 ปีให้หลัง คุณนงนุช ตันสัจจา ได้มอบการบริหารงานให้ลูกชาย คือ คุณกัมพล ตันสัจจา เป็นผู้ดูแล สวนนงนุชมีการปรับปรุงและพัฒนาสวนให้สวยงามมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับแนวหน้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีนักท่องเที่ยวมากมายจากทั่วโลกแวะมาเยี่ยมชม

ข้อมูลทั่วไป

สวนนงนุช เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ทั่วทุกมุมโลก ภายในมีการจัดแสดงสวนสวย ทั้งสวนไม้เขตร้อนพันธุ์พื้นเมือง สวนตะบองเพชร สวนฝรั่งเศส และสวนโรมันที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นรีสอร์ทที่มีห้องพักหลายแบบ เช่น บ้านทรงไทย บ้านกระท่อม บ้านแบบทาวน์เฮาส์ มีห้องอาหาร และห้องจัดเลี้ยง - สัมมนา สำหรับให้บริการกับนักท่องเที่ยวที่สนใจ

พื้นที่ภายในสวนนงนุชจัดแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้ (ดูแผนผัง คลิก)


สวนหิน (Rock Garden)

เป็นการนำหินขนาดใหญ่ มาจัดเรียงเป็นเนินขนาดใหญ่ผสมผสานกับพันธุ์ไม้หลากหลายชนิดเช่น ปาล์ม ปรง ต้นพญาเงิน (ไม้จากฟลอริด้า)ไม้ใบอวบ และอื่นๆ ที่มีสีเงินสวยงามและหายาก

สวนเนินลายปีกผีเสื้อ (Butterfly Hill)
เป็นสวนไม้ประดับที่มีสีสันในตัวเอง เช่น ไทรยอดทอง ฤาษีผสม ไม้ดอก เช่น เข็ม จัดปลูกบนเนินดินวางรูปแบบให้คล้ายกับลักษณะลวดลายของปีกผีเสื้อ ที่มีความงดงามสบายตาแก่นักท่องเที่ยวพร้อมด้วยน้ำพุ ด้านหน้าสวนที่พวยพุ่งอย่างสวยงามให้ความเย็นฉ่ำอยู่ตลอดทั้งวัน

สวนพุทธรักษา (Canna Garden)
ชมความงามของพุทธรักษาหลากสีสันที่มีครบทุกสี ในประเทศไทยและบางชนิดจากต่างประเทศ

สวนไม้ตัดแต่ง (Topiary Garden)
เป็นสวนไม้ประดับชนิดต่างๆ จัดรวมเป็นกลุ่มๆ เช่น ข่อย โมก ไทร ที่ตัดแต่งเป็นรูปทรงพุ่ม ขนาดไล่เลียงต่างระดับกัน อย่างสวยงาม แปลกตา

สวนผีเสื้อ (Butterfly House)
ชมความงามและวงจรการเจริญเติบโตของผีเสื้อที่มีมากกว่า 40 สายพันธุ์ จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมทั้งชมไม้ดอกนานาชนิด ที่ให้น้ำหวาน เป็นอาหารสำหรับผีเสื้อ มีทั้งกลิ่นหอม สีสันสวยงาม และหายาก

สวนแกะหรือทุ่งไม้ดอกไม้ประดับ (Meadow Garden)
ร่มรื่นด้วยต้นลาน ต้นตาลโตนด ปาล์มน้ำมัน อินทผลัม ขนาดใหญ่ ประดับตกแต่งด้วยไม้ดอก ไม้ประดับและไม้คลุมดินหลากสีสัน และรูปแกะจำลองที่ได้ประดิษฐ์ขึ้นจำนวนมาก เสมือนกับฝูงแกะที่กำลังเลาะเล็มหญ้าอย่างอิ่มหมีพีมัน เหมาะสำหรับใช้เป็นสถานที่ปิคนิคของครอบครัว

สวนปาล์มโลก (Palm Collection Garden)
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์ปาล์มจากทั่วทุกมุมโลกไว้มากกว่า 1,000 ชนิด และพันธุ์ปรงมากกว่า 280 ชนิด ที่สวนนงนุช ใช้เป็นที่แสดงพันธุ์ปาล์มให้กับคณะผู้เข้าร่วมประชุมปาล์มโลก เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2541 ซึ่งทำให้สวนนงนุชเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก
สวนตะบองเพชร และไม้ใบอวบ (Cactus and Succulent Garden)
ชมความงดงามของตะบองเพชรและไม้ใบอวบพันธุ์ต่างๆ มากกว่า 300 ชนิด จากทั่วทุกมุมโลกที่มีทั้งขนาดเล็ก ใหญ่ และเสน่ห์ของดอกตะบองเพชรที่สวยงาม ตามช่วงเวลาและฤดูกาลที่มีอายุมากกว่า 20 ปี
สวนฝรั่งเศส (French Garden)
เป็นการจัดสวนแบบฝรั่งเศสจำลองแบบมาจากพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส ในพื้นที่เกือบ 10 ไร่ จัดเรียงหินไว้นับหมื่นก้อนรายล้อมสวนรูปทรงเรขาคณิต ใช้เข็มญี่ปุ่นเป็นลายเส้นหลัก ผักเป็ดแดงขน เป็นสีตัดลาย ต้นข่อย ไทร นีออน และชาฮกเกี้ยน เป็นองค์ประกอบ ที่ผสมกลมกลืนกันอย่างลงตัว จรดเนินหินที่สร้างศาลาไทยไว้สำหรับพักผ่อนและเป็นจุดชมวิวจากด้านบนของสวน เน้นความพิถีพิถันในการตัดแต่งเป็นพิเศษ เพื่อให้คงความสวยงามอยู่เสมอ พร้อมทั้งจัดวางรูปปั้นจากเรื่องราวในวรรณคดีไทย จำนวน 11 เรื่องไว้อย่างกลมกลืน สร้างขึ้นเมื่อปลายปี พ.ศ. 2541
สโตนเฮนจ์ (Stoneheng)
เป็นการนำเอาหินวางเรียงกันเป็นวงกลม ที่สวนนงนุช ได้จำลองแบบมาจากประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติสร้างขึ้นมา แต่สวนนงนุช ได้จัดทำขึ้นมาเนื่องจากได้พบหินชุดหนึ่งจากปราจีนบุรี และได้นำมาจัดวางไว้ที่สวนเพื่อเป็นประโยชน์ ทางการศึกษาแก่อนุชนรุ่นหลัง และได้ลดความแข็งของหินเพิ่มความสวยงาม โดยได้ปลูกไม้ดอกไม้ประดับที่มีสีสันเข้าไป ทำให้ตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ได้พบเห็น สร้างเสร็จเมื่อต้นปี พ.ศ. 2543

บอนไซ (Bon – Sai)
เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์บอนไซไว้มากมายในกระถาง ทั้งขนาดเล็กและใหญ่ เช่น บอนไซ ต้นไทร ต้นมะขาม ต้นสน ฯลฯ

สวนยุโรป (European garden)
เป็นการจัดสวนในแบบสไตล์ยุโรป ประกอบด้วยไม้ตัดพุ่ม รูปทรงต่างๆ เช่น ทรงกรวย ทรงกลม ทรงเหลี่ยม ทรงแท่ง ซึ่งตัดตกแต่งให้ดูสวยงาม และผสมผสานกับการจัดวางรูปปั้นต่างๆ อย่างกลมกลืน

สวนเนินดอกไม้ (Flower Hill)
เป็นสวนไม้ดอกสีสันสดใสหลากหลายชนิด เช่น หงอนไก่ สร้อยไก่ แววมยุรา แพงพวย ฯ ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนมาจากสวนไม้ประดับ มาตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2542 การจัดสวนได้จัดเป็นแถวเป็นแนวรูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม วงรี ลดหลั่นกันบนเนินดินริมทะเลสาบจรดกับห้องอาหารพลับพลึง และสวนแห่งนี้นี่เองกลายเป็นจุดเด่นในการถ่ายรูป ที่นักท่องเที่ยวนิยมกันมาก

สวนเฟื่องฟ้า (Bougainvillea Garden)
ชมความงามของเฟื่องฟ้าหลากสีสันที่จัดตกแต่งให้เข้ากับสวนต่างๆ อย่างกลมกลืน เช่น บริเวณเนินหอชมวิว ข้างห้องอาหารพลับพลึง สวนยุโรป อื่นๆ

สวนข่อย (Thai Topiary Garden)
เป็นสวนข่อยที่ตัดแต่งเป็นรูปร่างต่างๆ ที่พิเศษ แปลกตา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศิลปะการตัดแต่งที่พิถีพิถันและสวยงาม หาชมจากที่อื่นได้ยากยิ่ง

น้ำตก (Water Fall)
เป็นน้ำตกจำลองขนาดใหญ่ สร้างขึ้นด้วยฝีมือมนุษย์ ที่จัดทำไว้อย่างกลมกลืนคล้ายคลึงกับน้ำตกธรรมชาติ มากที่สุด

สวนตุ๊กตากระถาง (Pottery Garden)
เป็นสวนที่นำกระถางรูปร่างและขนาดต่างๆ กัน มาเรียงร้อยเป็นรูปทรงต่างๆ ตามจินตนาการของผู้ออกแบบ จัดทำ ซึ่งมีรูปร่างหลายหลาย จากจำนวนกระถางนับ 5หมื่นใบ กระถางที่นำมาใช้เป็นกระถางที่สวนนงนุช ผลิตขึ้นมาเอง นับเป็นภูมิปัญญาของคนไทย ที่น่าทึ่งและน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2541

สวนสับปะรดสี (Bromeliad House)
ชมความงามของสับปะรดสีมากกว่า 300 ชนิด ทั้งพันธุ์แท้ของประเทศไทยและนำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ฮอลแลนด์ ในเรือนที่จัดไว้ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติ ซึ่งจัดตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสับปะรดสี ที่โชว์ความงามของดอกและใบ
สวนกล้วยไม้ (Orchid Garden)
ชมกล้วยไม้พันธุ์ต่างๆ เช่น แคทลียา แวนด้า หวาย กล้วยไม้ตระกูลช้าง กล้วยไม้ป่าจากแหล่งต่างๆ ทั่วโลก และกล้วยไม้ลูกผสม โดยเฉพาะพันธุ์แคทลียา สายพันธุ์ใหม่ ที่สวนนงนุช ได้ทำการผสมพันธุ์ขึ้นเอง ลักษณะดอกขนาดใหญ่ และมี กลิ่นหอม

สวนโมก (Wrightia Tomentosa Garden)
เป็นสวนโมกที่มีการนำยอด โมกลายหรือโมกบ้าน มาเสียบกับต้นโมกป่า (โมกมัน) ด้วยวิธีการใหม่ และการตัดแต่งที่พิถีพิถัน ทำให้รูปลักษณะของต้นที่มีพุ่มสวยงาม แปลกตา ดอกมีกลิ่นหอม

สวนน้ำพุ (Fountain Garden)
เป็นสวนที่จัดสร้างขึ้นมาตั้งแต่เริ่มสร้างสวนนงนุช ซึ่งปัจจุบันนี้ ยังคงรักษาโครงสร้างเดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ได้ตกแต่งเพิ่มเติมไม้ดอกไม้ประดับในสวนนี้ให้สวยงามอยู่ตลอดเวลา

สวนรถไฟจำลอง (Outdoor Garden Railway)
เป็นสวนรถไฟจำลองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซีย ซึ่งมีหัวรถจักรทั้งหมด 12 ขบวน บังคับการขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า

สวนสัตว์ (Mini Zoo)
ชมและใกล้ชิดกับความน่ารักของสัตว์ต่างๆ เช่น ลิงซิมแปนซี อุรังอุตัง เสือโคร่ง ที่สามารถถ่ายรูปได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้งชมสวนนกและสัตว์ที่หายากและใกล้สูญพันธุ์ เช่น นกเงือก กวาง เสือ สวนนกน้ำที่มีหลายชนิด และรูปปั้นสัตว์อันแสนน่ารัก ในอริยาบทต่างๆ ที่ประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม และเป็นที่ชอบใจของเด็กๆ และนักท่องเที่ยวทั่วไป

อาคารวัตถุโบราณ (Antique Hall)
เป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยว ที่สนใจเครื่องประดับ พระพุทธรูป และเครื่องใช้โบราณ ซึ่งมีอายุมากกว่า 100 ปี ที่ได้รับการสะสม รวบรวมไว้อย่างมากมาย

โรงแสดง (Thai Cultural Hall)
เป็นสถานที่จัดการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยที่จัดตกแต่งประดับฉากอย่างสวยงาม เหมาะสมกับชุดการแสดงในแต่ละชุด ที่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนช้อย งดงาม ของศาสตร์อีกแขนงหนึ่ง ของคนไทย เช่น ระบำสี่ภาค ระบำเทพนฤมิต มหกรรมกลอง ยุทธหัตถี ฯลฯ และลานแสดงช้างแสนรู้ ด้านหลังของโรงแสดง ที่นักท่องเที่ยวจะได้พบกับการแสดงความสามารถพิเศษของช้างแสนรู้ อันสนุกสนาน ตื่นตาตื่นใจ กว่า 30 เชือก เช่น ช้างเล่นฟุตบอล บาสเกตบอล ตีกอล์ฟ วาดรูป นวดคน

นอกจากนี้ยังมีสวนร่ม สวนกลางน้ำ สวนพฤกษาศาสตร์ โรงโชว์รูมรถ สะพานเชือก ตึกมด เรือนเพาะชำ บ้านพัก ร้านของที่ระลึก ห้องอาหาร จุดบริการจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม


จุดเด่นหรือสิ่งที่น่าสนใจ

สวนที่ไม่ควรพลาดต้องไปชม คือ สวนฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่ที่สวยงามจำลองแบบมาจากพระราชวังแวร์ซาย ประเทศฝรั่งเศส รอบๆ มีศาลาไทยไว้สำหรับพักผ่อน มีการจำลองหอคำหลวงที่เชียงใหม่ให้เป็นจุดชมวิวจากด้านบนของสวน และยังมีกลุ่มเจดีย์สีขาวที่สร้างจำลองจากเจดีย์ต่างๆ ในประเทศไทยซึ่งสร้างความโดดเด่นให้กับสวนแห่งนี้

และสิ่งที่น่าสนใจของสวนนงนุชอีกอย่างก็คือ ทางเดินลอยฟ้า (SKY WALK) นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมสวนนงนุชจากมุมสูง (Bird Eye View) ผ่านบริเวณสวนที่สวยงามตามจุดต่างๆ เช่น สวนฝรั่งเศส สโตนเฮนจ์ เนินลายผีเสื้อ สวนยุโรป สวนปาล์ม และสวนตุ๊กตากระถางที่สวยงาม ให้ความรู้สึกที่แปลกแตกต่างไปจากการเดินชมสวนตามปกติ ตลอดระยะทาง 1130 เมตร

กิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว
  • เดินเที่ยวชมสวน
  • นั่งรถชมวิว
  • นั่งช้างชมสวน
  • ชมการแสดงช้าง
  • ชมการแสดงวัฒนธรรมไทย
  • ชมวัตถุโบราณ
  • ชมสวนสัตว์
  • ให้อาหารสัตว์
  • ถ่ายรูปคู่กับสัตว์
  • จักรยานน้ำ
  • ชมปลาในตู้ปลาขนาดใหญ่
  • ปั่นจักรยาน
  • นวดแผนโบราณ
เวลาทำการ

เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8.00 - 18.00 น.

การแสดงศิลปะและช้างแสนรู้ วันละ 4 รอบ รอบละ 1 ชั่วโมง
เวลา 9.45 น., 10.45 น. 15.00 น. และ 16.00 น.

ค่าธรรมเนียมค่าเข้าชม

ค่าบัตรผ่านประตู
เด็ก 50 บาท
ผู้ใหญ่ 100 บาท

ค่าบริการรถชมสวน
50 บาท

ค่าเข้าชมการแสดงศิลปะและช้างแสนรู้
เด็ก 150 บาท
ผู้ใหญ่ 300 บาท

ติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม

สำนักงานใหญ่
34/1 หมู่ 7 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี 20250
โทรศัพท์: 038-709-358 - 62, 038-238-158
โทรสาร: 038-238-160
อีเมล์: info@nongnoochtropicalgarden.com
แผนกบริการสำรองห้องพัก 087-488-0028

สำนักงานกรุงเทพฯ
โทรศัพท์: 02-252-1786, 02-251-2161
โทรสาร: 02-252-9975

สำนักงานพัทยา
โทรศัพท์: 038-429-321, 038-425-748
โทรสาร: 038-422-958